เกาะขอบเวทีประชุมวิชาการระดับชาติจิตตปัญญาศึกษา ครั้งที่ 11 ประจำปี พ.ศ. 2567“จิตตปัญญาศึกษา กับความท้าทายในการพัฒนามนุษย์” และการประชุมโครงการหยั่งรากจิตตปัญญา สู่สังคมแห่งความสุข เมื่อ 22-23 ส.ค. ที่ผ่านมา จิตวิวัฒน์ชวนส่องหัวใจสำคัญจาก 4 เวทีเสวนา ที่อ่อนโยนในท่วงท่า หนักแน่นในแนวทาง และลึกซึ้งในเนื้อหา
1. ชวนเปลี่ยนจุดบอดเป็นจุดไบร์ท ด้วย Meta Skills – ทักษะเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง
ศ.เกียรติคุณ ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา องค์ปาฐกของงาน เล่าถึงทักษะ Meta Skills ที่สำคัญ เช่น
“Resilience” ความสามารถในการอยู่เหนือความไม่แน่นอนหรือความยากลำบากต่างๆ ไม่ท้อถอย จากหนังสือ ‘Dare to Fail กล้าล้มเหลว’ โดย บิลลี่ ลิม มีคนมาถามเอดิสันว่า รู้สึกอย่างไรที่สร้างหลอดไฟมา 700 หลอดแล้วก็ยังไม่สำเร็จ เขาตอบว่า “สำหรับหลอดที่ 701 ก็มี 700 อย่างที่ผมจะไม่ทำ”
“Self Awareness” รู้ตัวตนที่แท้จริง เข้าใจ และยอมรับในตัวเอง ทำให้เห็นปัญหาและจุดบอดของตัวเอง นำไปสู่การเปลี่ยนจุดบอดเป็นจุดไบรท์ เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาที่สำคัญได้ในที่สุด
2. ฟื้นฟูจิตวิญญาณแห่งการศึกษาด้วยการเรียนรู้แบบ Inside Out
“มิติการศึกษาในปัจจุบันขาดความเชื่อมั่นในศักยภาพของมนุษย์ เป็นการศึกษาแบบOutside In คือใส่สิ่งที่ผู้เรียนยังขาดหรือไม่รู้เข้าไป เป็นการใส่จากภายนอก และใส่มากจนสิ่งที่อยู่ในตัวผู้เรียนไม่ปรากฏออกมา” รศ.ดร.นพ.ชัชวาลย์ ศิลปกิจ ผู้อำนวยการศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในเวทีเสวนา “ฟื้นฟูจิตวิญญาณแห่งการศึกษา”
แนวทางจิตตปัญญาศึกษาเป็นการกลับสู่ธรรมชาติในตนเอง ตระหนักรู้และเท่าทันภายใน ดึงศักยภาพที่มีอยู่แล้วในตัวผู้เรียนออกมา เป็นการศึกษาแบบ Inside Out
อ.อธิษฐาน์ คงทรัพย์ เล่าถึง “โครงการก่อการครู” พื้นที่ให้ครูกลับมาตั้งหลัก ตั้งแกน เห็นคุณค่าความหมายของตัวเอง แค่ครูเขย่าวิธีคิดจากภายในก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งวิธีการฟัง สายตา น้ำเสียงที่พูดคุยกับเด็ก ไม่ด่วนลงโทษหรือตัดสิน แต่มีพื้นที่ให้พูดคุยและหาข้อตกลงร่วม เด็กรู้สึกปลอดภัย กลายเป็นความร่วมมือ ครูกับเป็นเด็กเป็นทีมเดียวกัน
ด้าน อ.ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ บอกว่า แนวทางจิตตปัญญาศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการใส่ใจหัวใจตัวเองและคนอื่นจำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการฟื้นฟูจิตวิญญาณแห่งการศึกษา
3. สัมผัสประสบการณ์แห่งจิตตปัญญาศึกษา เข้าถึงความรู้ที่มีอยู่ในตัวเอง
ผู้เข้าร่วมราว 150 คน ได้สัมผัสประสบการณ์การเรียนในแนวทางจิตตปัญญาศึกษา โดย รศ.ดร.นพ.ชัชวาลย์ ศิลปกิจ จำลองคลาสให้ดูคลิปสั้นๆ แล้วสังเกตดูปฏิกิริยาตอบสนองที่เกิดขึ้นต่อกายและใจ เห็นภาพท่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีมวลน้ำสีดำปี๋พวยพุ่งออกมาแล้วรู้สึก connect หรือเชื่อมโยงกับภาพที่เห็นอย่างไร หรือดูภาพต้นไม้ใหญ่น้อยสีเขียวหลายเฉดมีแดดส่องมาเป็นระยะแล้วข้างในใจเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลองบันทึกสิ่งที่สังเกตเห็น แล้วจับคู่ผลัดกันสะท้อนให้เพื่อนฟัง
เป็นคลาสชิมลองที่สนุก เห็นความเชื่อมโยงของการเรียนแบบ Outside In และ Inside Out เข้าใจความเป็นจิตตปัญญาศึกษาที่ให้ความสำคัญอย่างมากต่อการเปิดพื้นที่ให้ผู้เรียน ช่วยเตรียมมิติภายในที่มั่นคง ไม่ตัดตัวเองออกจากการเรียนรู้
4. การเชื่อมต่อ “AI” กับ “จิตใจของมนุษย์”
เวทีเสวนา “AI กับอนาคตของการพัฒนาจิต” ที่ รศ.ดร.นพ.ชัยเลิศ พิชิตพรชัย ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล พาเปิดโลก โดยนำอุปกรณ์คล้ายที่คาดผมมาคาดที่หน้าผากแทน และสามารถตรวจ EEG (Electroencephalography) หรือคลื่นไฟฟ้าสมอง และแสดงกิจกรรมที่เกิดขึ้นในสมองให้เราเห็นเป็นภาพคลื่นสมอง 4 แบบอย่างชัดแจ๋ว คือ เดลตา เทตา อัลฟา และเบตา ซึ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวมีสมาธิอยู่ระดับใด เมื่อมีข้อมูลจำนวนหนึ่ง AI จะสามารถจับสัญญาณและเห็นรูปแบบบางอย่าง (pattern) ที่อาจนำไปสู่การพัฒนาจิตต่อไปได้
ด้าน ผศ.ดร.ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์ จากศูนย์วิจัยและนวัตกรรมประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้เล่าถึงงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า สมองของเด็กสัมพันธ์กับกรอบคิดหรือทัศนคติ เศรษฐสถานะ วัฒนธรรม การเลี้ยงดู และการให้รางวัล และอัปเดตให้ฟังด้วยว่า ขณะนี้นิวโรเทคโนโลยีที่นำมาใช้พัฒนาวิธีการหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ได้ (Wearable Technology) ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับระบบประสาทเพื่อตรวจสอบหรือปรับการทำงานของระบบประสาท กำลังเป็นเทคโนโลยีเนื้อหอมฟุ้งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ให้ความสนใจกันมาก
น่าจับตามองว่าสิ่งนี้จะเข้ามามีบทบาทส่งเสริมการศึกษา จิตวิญญาณ และการพัฒนามนุษย์อย่างไร
อ่านฉบับเต็มที่ https://www.jitwiwat.com/post/ceconference24-1
วันที่เขียน: 2 กันยายน 2567
แหล่งข้อมูล: จิตวิวัฒน์ – New Consciousness