บทเส้นทางการค้นหาตัวเอง

Head

Concept/Theory Experiences Non-Religion

อริสา สุมามาลย์

คุณรู้ตัวเองหรือยังว่า รักหรือชอบทำอะไร

หลายคนคงเคยเห็นภาพวงกลมซ้อนกัน 4 วงที่ถามว่า เรากำลังทำใน “สิ่งที่ชอบ” “สิ่งที่เราทำได้ดี” “สิ่งที่โลกนี้ต้องการ” และ “สิ่งที่สร้างรายได้” หรือไม่ โดยมีจุดตัดตรงกลางคือ “เหตุผลของการมีชีวิตอยู่” หรือที่รู้จักกันว่าอิคิไก (IKIGAI)

ตั้งแต่แผนภาพนี้เป็นรู้จักอย่างแพร่หลาย ผู้คนมากมายได้ใช้คำถาม 4 ข้อนี้เป็นแนวทางในการค้นหาตัวเอง ว่าเขาควรจะทำอะไรในชีวิตนี้ ที่ทางของเขาควรจะอยู่ตรงไหน

ในมุมมองของผู้เขียน คำถามที่ตอบยากที่สุดในแผนภาพนี้ คือ “อะไรคือสิ่งที่ฉันชอบทำ” (Things I love to do) และสำหรับบางคน อาจจะยากจนถึงขั้นทำให้เครียดได้

วันก่อนมีนักศึกษามาปรึกษาว่า “อาจารย์ หนูเครียดมากเลยค่ะ หนูไม่รู้ว่าหนูชอบทำอะไร หนูลองมาหมดทุกอย่าง ทำได้หมดนะ แต่ไม่ชอบสักอย่างเลย…รู้สึกเหมือนไม่มีทางออกเลย” 

คำถามแบบนี้มักจะมีเข้ามาถามผู้เขียนบ่อย ๆ และนี่คือคำแนะนำเบื้องต้น

1. เท่าทันว่าเรากำลังค้นหาตัวเองแบบ “บีบให้มั่น คั้นให้ตาย” หรือเปล่า

คนทั่วไปมักเข้าใจว่า passion หรือความหลงใหลเป็นเรื่องที่ถ้าค้นเจอแล้ว ก็จะรู้สึกรักขึ้นมาทันที  เลยทำให้หลาย ๆ คนสับสนในตนเอง เพราะไม่เห็นเคยรู้สึกชอบอะไรมาก ๆ เลย ทำอะไรก็ไม่ต่อเนื่อง

แต่ passion เป็นสิ่งที่เราต้องพัฒนาขึ้นมาจากความสนใจทั่ว ๆ ไป ที่เราอยากลอง อยากรู้ อยากเล่น เลยทำให้เราอยากใช้เวลาอยู่กับมัน และเราอาจจะเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกันไปก็ได้

หรือจะเลิกเรียนรู้เมื่อหมดความสนใจก็ได้ ไม่แปลกอะไร ปล่อยให้การเรียนรู้มันเป็นไปตามธรรมชาติ

ไม่ต้องบังคับตัวเองว่าจะต้องเอาดีให้ได้ทางใดทางหนึ่ง หรือคาดหวังไปล่วงหน้าว่าเมื่อเราเก่งในเรื่องนั้นแล้ว เราจะมีชื่อเสียงหรือสร้างรายได้มากมาย (โดยเฉพาะเมื่อเราเล็งว่ามันจะเป็นคำตอบในแผนภาพ IKIGAI)

ขอให้เราใส่ใจอยู่ที่การกระทำ เมื่อเราสนุกและใช้เวลากับมัน เห็นคุณค่าในสิ่งที่ทำว่ามันให้ความสุขกับเราและคนอื่นอย่างไร นั่นแหละที่จะทำให้เกิดความรักในเรื่องนั้นขึ้นมาจริง ๆ และเมื่อเราต้องฝึกทักษะที่ยากขึ้น เราจะอดทนทำมันต่อไปได้ และค่อย ๆ เก่งขึ้น

2. เท่าทันการใช้ model การพัฒนาตนเองต่าง ๆ ด้วย

เมื่อผู้คนออกค้นหาความหมายในชีวิต การมี model ต่าง ๆ เช่น แผนภาพ IKIGAI นี้ย่อมช่วยให้เรา focus ได้ง่ายขึ้น แต่เราได้สังเกตตัวเองไหมว่า กำลังใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ หรือเอามากดทับตัวเอง แรกเริ่มเดิมที ชาวญี่ปุ่นไม่ได้พยายามตอบคำถาม 4 ข้อตามแผนภาพเพื่อจะเข้าถึงอิคิไก แต่ความเข้าใจผิดว่าอิคิไกคือแผนภาพ 4 วงกลมนั้นเกิดจากบล๊อคเกอร์ชื่อ Marc Winn ได้เขียนโพสต์ชื่อ “What’s your IKIGAI?”

IKIGAI?” โดยได้นำเอาแผนภาพเกี่ยวกับเป้าหมายในชีวิตของนักเขียนท่านหนึ่ง[1]มาเชื่อมโยงกับคำว่า IKIGAI ของชาวญี่ปุ่น และเขียนว่า

“หลังจากที่ผมใช้เวลาช่วยผู้ประกอบการธุรกิจหลายต่อหลายคนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ค้นหา IKIGAI ของพวกเขา และค้นหา IKIGAI ของตัวเองด้วย ในที่สุด ผมก็สามารถสรุปให้เป็นแผนภาพได้ดังนี้” 

จากนั้น โพสต์นี้ก็กลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก

ถ้าดูจากที่มาแบบนี้ ผู้เขียนก็คิดว่าคุณ Marc Winn พูดได้เหมาะสมอยู่ เพราะแผนภาพนี้เหมาะกับการค้นหาเป้าหมายของผู้ประกอบการ (entrepreneurs) ว่าธุรกิจของเขาจะสร้างรายได้ ความสุข ความสำเร็จและการตอบแทนสังคมอย่างไร  หรือถ้าสำหรับปัจเจคบุคคลก็อาจใช้มันเป็นแนวทางสำหรับหาการงานที่มีความหมาย (meaningful work) ได้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นคนละเรื่องกับการมีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ (reasons for living) เพราะในโลกนี้ยังมีผู้คนที่เลือกจะทำสิ่งที่มีความสุขแต่ไม่สร้างรายได้ คนที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอว่าชอบอะไร ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ดี คนที่ไม่ได้สนใจว่าโลกนี้ต้องการอะไรจากเขา หรือผู้คนอยู่ในสถานะที่ไม่เอื้อต่อการสร้างรายได้ เช่น เด็ก ๆ คนสูงวัย ผู้ลี้ภัย คนเจ็บป่วย คนที่ต้องเสียสละตัวเองดูแลผู้ป่วยที่บ้าน ผู้ต้องขัง ฯลฯ คนเหล่านี้ก็มีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ และสามารถเข้าถึงความสุขในแบบของตัวเองได้เหมือนกัน

ทั้งนี้ IKIGAI ในความหมายของชาวญี่ปุ่น เป็นวิถีการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าจะเป็นการใคร่ครวญต่อคำถามที่ยิ่งใหญ่ โดยใส่ใจและซึมซับความสุขเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะ เช่น การได้ลิ้มรสกาแฟหอมอร่อยกับแสงแดดอุ่น ๆ ตอนเช้า การได้อ่านหนังสือดี ๆ ได้ทานข้าวกับครอบครัว การปลดปล่อยตัวเองออกจากตัวตนที่ถูกนิยามโดยสังคมหรือหน้าที่การงาน การสร้างผลงานโดยไม่ต้องถามถึงรางวัลตอบแทนหรือชื่อเสียงในทันทีทันใด ฯลฯ

ในสถานการณ์โควิดแพร่ระบาดเช่นนี้ ชีวิตอาจไม่เป็นไปอย่างที่ใจคาดหวัง มีเรื่องที่ควบคุมไม่ได้เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องการงาน การเงิน และความสัมพันธ์ กำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปยิ่งเป็นเรื่องสำคัญ การกำหนดกรอบที่เราจะใช้บอกตัวเองว่าเรามีชีวิตที่น่าพึงพอใจหรือยัง จึงควรมีความยืดหยุ่นพอที่จะโอบรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นด้วย ในขณะเดียวกัน การแก้ปัญหาในแต่ละวันก็อาจเป็นโอกาสให้เราเติบโตผ่านการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตทีละเล็กทีละน้อย

กลับมายังนักศึกษาต้นเรื่องที่รู้สึกเครียดกับการค้นหาตัวเอง และคงจะเครียดมากยิ่งขึ้นเมื่อนึกถึงสภาพเศรษฐกิจและโอกาสในการทำงานในวันข้างหน้า ผู้เขียนคิดว่าเขาคงจะรู้สึกเบาใจมากขึ้น ถ้าหากตัวเขาหรือคนใกล้ชิดไม่ได้เร่งรีบว่าเขาจะต้องสร้างตัวตนและความสำเร็จขึ้นมาให้ได้ เพราะความความหวังและความรู้สึกผิดยิ่งจะเป็นตัวปิดกั้นหัวใจและการเรียนรู้ ที่จริงแล้ว การค้นหาตัวเองเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดทั้งชีวิต เพื่อที่เราจะปรับตัวให้เข้ากับเหตุการณ์แวดล้อมและโลกที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา การจะตอบคำถามว่า “เราเป็นใคร” จึงยังมีคำถามที่ลึกกว่าอยู่ใต้นั้น นั่นคือ “เราจะกลับมาดูแลใจของตัวเองอย่างไร ทั้งในยามล้มและยามลุก บนเส้นทางการค้นหาตัวเอง”


[1] แผนภาพที่ว่านี้ชื่อ The Zuzunga Venn Diagram of Purpose ถูกสร้างขึ้นในปี 2011 โดยนักเขียนชาวสเปนชื่อ Andres Zuzunaga เป็นที่นิยมในกลุ่ม HR และไลฟ์โค้ชในการช่วยให้ผู้คนค้นหาเป้าประสงค์ในการทำงานอย่างสมดุล

วันที่เขียน: 13 กันยายน 2564

แหล่งข้อมูล: ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล

บทความที่เกี่ยวข้อง

Blogs

เวทีจิตตปัญญาเสวนา ครั้งที่ 85 และเวทีเสวนาหยั่งรากจิตตปัญญาศึกษา “เมื่อจิตตปัญญาศึกษาผลิบาน ในห้องเรียนพยาบาลที่มีหัวใจความเป็นมนุษย์”

บันทึกชวนอ่าน

Hand Head Heart

Compassion Experiences Relationship

Blogs

Homemade 35

บทแนะนำงานวิจัยแบบ Spirituality Ep.1(1) จิตใจคนเราพัฒนาได้ไม่หยุดนิ่ง …..

Head

Experiences

Blogs

ศรายุทธ์ ทัดศรี และ อริสา สุมามาลย์

สรุปภาพรวมการจัดงาน เวทีจิตตปัญญาเสวนา ครั้งที่ 81 “โอบกอดผู้ดูแล…ประสบการณ์ภายในของผู้ดูแลผู้ป่วยในครอบครัว”

Heart

Experiences Relationship

แชร์

แชร์ผ่านช่องทาง

หรือคัดลอก URL