บทแนะนำงานวิจัยแบบ Spirituality Ep.3 อัตชาติพันธุ์วรรณนากับการพัฒนาครู …..

Heart

Experiences

Homemade 35

ในอีพีนี้ จะขอแนะนำงานวิจัยเรื่อง  Collaborative Autoethnography as a Pathway for Teacher Learning   ของ Nugrahenny Zacharias และ Galina Shleykina  ครูต่างชาติสองท่านที่สอนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา   งานนี้เป็นตัวอย่างของการเติมเต็มความหมายเวลาที่เราจะประเมินกิจกรรมการเรียนรู้อะไรสักอย่าง  โดยทั่วไป ผู้จัดหรือวิทยากรมักให้ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามเชิงปริมาณ หรือถามคำถามอะไรบางอย่างสั้น ๆ   แต่การจะได้เห็นภาพที่แท้และคมชัด มันทำอะไรได้มากกว่านั้นหรือเปล่า

ในงานวิจัยนี้  ผู้วิจัยได้กล่าวสิ่งสำคัญในตอนท้ายไว้ว่า   

งานเขียนแบบอัตชาติพันธุ์วรรณนา มิได้ให้ข้อค้นพบที่เป็นสามัญการเหมือนในวิธีของการวิจัยเชิงปริมาณ   แต่จะให้นัยความหมายอันรุ่มรวยและเคลื่อนย้ายได้ ไปสู่การทำความเข้าใจกับบริบทที่เป็นเรื่องของการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาอื่น ๆ ได้

งานวิจัยนี้พูดถึงการเขียนอัตชาติพันธุ์วรรณนาของครูทั้งสอง   ซึ่งให้รายละเอียดของประสบการณ์ที่ทั้งสองคนเจอในการสอนอย่างละเอียด นำมาสู่การสะท้อนใคร่ครวญที่มีความหมาย สามารถแก้ปัญหาที่ติดขัดบางประการ และเห็นหนทางที่เป็นประโยชน์ในการนำกลับไปใช้ในชั้นเรียนได้ต่อไป

ครูทั้งสองท่านเป็นสมาชิกของชุมชนครูที่เรียกว่า Faculty Learning Communities (FLC)  ซึ่งเป็นพื้นที่พบปะกันระยะยาว เพื่อให้ครูแต่ละคนได้แชร์ประสบการณ์การสอนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อกัน  งานวิจัยนี้เริ่มต้นเมื่อทั้ง เฮนนี และ กาลินา เขียนเรื่องเล่าประสบการณ์ของตัวเองจากที่ได้เข้าร่วมวง FLC  จากนั้น ได้ร่วมกันกำหนดทิศทางของการเขียน ให้เห็นว่า “การเขียนนี้จะช่วยสานการเรียนรู้ของทั้งสองคนเข้าหากันได้อย่างไร”    ขั้นตอนต่อมาในการลงมือเขียนจริง เมื่อต่างคนต่างเขียนเรื่องของตัวเองและสามารถสะท้อนใคร่ครวญได้โดยอิสระ ปราศจากความเห็นของอีกฝ่าย  เพื่อว่าหลังจากนั้น ทั้งสองจะมานัดพบกันเป็นประจำเพื่ออภิปรายเรื่องราวของกันและกัน  มีการให้เสียงสะท้อน มีการจดบันทึกข้อมูลใหม่ ๆ ที่ทั้งคู่ค้นพบ   ขั้นตอนสุดท้าย ผู้วิจัยทั้งสองคนได้มาเจอกัน แลกเปลี่ยน ทบทวน และตั้งคำถามสืบค้นในเรื่องราวของกันและกัน เพื่อสกัดเอาความหมายและข้อสรุปสำคัญออกมาเป็นครั้งสุดท้าย

เรื่องราวของเฮนนี สรุปสั้น ๆ ได้ว่า เธอค้นพบมุมมองแนวคิดของการสอนแบบใหม่ โดยใช้ความสัมพันธ์ครูศิษย์เป็นตัวตั้ง  จากแต่ก่อนที่เธอเป็นคนเคร่งเครียดเอาจริงเอาจังกับการสอน มุ่งเน้นบทเรียนและวิชาการเป็นหลัก  เปลี่ยนมาเป็นการเห็นพื้นที่ของการเรียนการสอนแบบใหม่ที่มีเรื่องของ “การเล่น” และการให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมสอน มากขึ้น  เธอได้ใช้เรียงความของนักศึกษาเธอมาประกอบการสอน รวมถึงให้โอกาสนักศึกษาได้ปรับแก้โจทย์หรือคำสั่งที่เธอได้ให้ไป กรณีที่นักศึกษาเห็นอะไรที่ดีกว่านั้น   เหล่านี้ช่วยสะท้อนว่า ครูไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ และการเรียนการสอนสามารถเกิดขึ้นบนความสัมพันธ์แบบนี้ได้

“ครูได้โพสต์ตัวอย่างสองย่อหน้า ที่พูดถึงการใช้กิจกรรมในชั้นเรียน 2 กิจกรรมหรือมากกว่าเพื่อเป็นจุดเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง

“ลี จากชั้นเรียนภาษาอังกฤษ 109 CB ได้ช่วยทำให้ครูเห็นว่า ข้อความที่ครูใช้เป็นตัวอย่างในการเรียนเมื่อวันพุธหลายอัน ไม่ได้มีกิจกรรม 2 กิจกรรมในฐานะจุดสร้างการเปลี่ยนแปลง   ดังนั้น ครูเลยได้มาโพสต์ตัวอย่างสองย่อหน้าที่มี สอง กิจกรรมสู่การเปลี่ยนแปลงหรือมากกว่า ให้สำหรับการเรียนโมดูล สัปดาห์ที่ 15 นะคะ   ครูขอขอบคุณลีมาก ๆ ที่ได้ช่วยประเมินตัวอย่างข้อความของครูอย่างพินิจพิเคราะห์   แล้วพบกันวันพรุ่งนี้นะคะ ทุกคน!”

ส่วนเรื่องราวของกาลินานั้น  เธอเป็นครูภาษาอังกฤษที่มาจากรัสเซีย ซึ่งแน่นอนว่ามีประเด็นของการเป็นคนต่างชาติ ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ และพูดติดสำเนียง   เหล่านี้คือข้อกังวลใหญ่หลวงที่สกัดกั้นไม่ให้เธอสามารถเป็นครูต้นแบบที่ดีได้    งานเขียนของกาลินา ได้ค่อย ๆ ถักทอเรื่องราวและบอกเล่าถึงความยากลำบากที่เธอได้เผชิญมานี้ จนนำไปสู่มุมมองใหม่ของการเป็นครูต้นแบบ นั่นก็คือ การที่เธอไม่ใช่ Native และพูดติดสำเนียงนี่แหละ คือประสบการณ์ชั้นดี เป็นประสบการณ์มือหนึ่งที่เธอสามารถแบ่งปันแลกเปลี่ยนให้กับนักศึกษาต่างชาติที่กำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้  และนี่คือคอมเมนต์ของนักศึกษาที่มักเขียนมาหาเธอบ่อย ๆ

“อาจารย์กาลินาคะ  อาจารย์มีหนังสือหรือเวบไซต์ที่แนะนำไหมคะ ที่จะช่วยให้เรียนภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้น?   หนูทราบว่าอาจารย์มาจากรัสเซีย   คำถามที่หนูอยากถามอาจารย์มากที่สุดคือ อาจารย์ทำยังไงที่จะเรียนภาษาอังกฤษได้ดี  และอาจารย์เรียนรู้ที่จะพูดภาษาอังกฤษบ่อย ๆ กับคน Native ได้ยังไงคะ?”

นี่คือตัวอย่างของการแลกเปลี่ยนและช่วยกันสะท้อนใคร่ครวญเรื่องราวระหว่างกัน จนนำมาสู่การเห็นมุมมองใหม่ที่ต่างออกไปจากเดิม   นอกจากนี้ บทสะท้อนภายในเช่นนี้ยังช่วยฉายภาพอย่างละเอียดให้เห็นว่า ผู้เข้าร่วมในวงการเรียนรู้นั้นกำลังเจออะไร และได้รับอะไร  อันจะเป็นประโยชน์เพื่อนำไปปรับปรุงโครงสร้างและกระบวนการต่าง ๆ ของโปรแกรมการเรียนรู้นั้นได้ต่อไป

อาจกล่าวได้ว่า การเขียนงานแบบอัตชาติพันธุ์วรรณนา เป็นการเขียนบนฐานของการตระหนักรู้ในตนเองเป็นสำคัญ  เป็นการเขียนที่มุ่งเข้าไปทำงานกับชุดความเชื่อพื้นฐานในใจ แล้วนำสิ่งนั้นออกมาเล่าตีแผ่ ให้เห็นถึงการทำงานและผลกระทบของมัน ที่ส่งออกมาสู่ความคิดความเชื่อและการกระทำของคน ๆ นั้นในบริบท   ความสำคัญจึงอยู่ที่ บริบทนั้นจะได้ความเข้าใจอะไรดี ๆ ใหม่ ๆ ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าเจ้าตัวที่เป็นปัจเจกบุคคลจะทำงานภายในตนเองจนเกิดการเห็นและเปลี่ยนแปลงจากภายในได้มากน้อยเพียงไรด้วยเช่นกัน   

-จบตอน-

วันที่เขียน: 25 กุมภาพันธ์ 2566

แหล่งข้อมูล: Homemade 35

บทความที่เกี่ยวข้อง

Blogs

บทแนะนำงานวิจัยแบบ Spirituality Ep.1(2) ……. เรื่องของฉัน  วันที่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นคนขาว

Head

Experiences

Blogs

ลือชัย ศรีเงินยวง

สงบเย็นในโลกยุคโควิด

Heart

Compassion Experiences Feeling&Emotional Relationship

Blogs

Homemade 35

บทแนะนำงานวิจัยแบบ Spirituality Ep.1(1) จิตใจคนเราพัฒนาได้ไม่หยุดนิ่ง …..

Head

Experiences

แชร์

แชร์ผ่านช่องทาง

หรือคัดลอก URL